การอภัยไม่ได้แปลว่าแกล้งลืมสิ่งที่คนอื่นทำไว้ แล้วก็ไม่ได้แปลว่าปล่อยให้คนผิดลอยนวลได้ใจ ที่แท้คุณยังคงจดจำและยังต้องจัดการกับคนผิดอยู่ เพียงแต่จะไม่มีความรู้สึกโกรธเกลียดผูกไว้กับความทรงจำและวิธีจัดการกับคนผิดอีกแล้ว
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้แกล้งตัดใจจากความโกรธเกลียด แต่ท่านให้เห็นโทษของความโกรธเกลียดว่าเหมือนโรคทางใจ หายได้ก็สดชื่นได้ไม่ต่างจากคนฟื้นไข้
เมื่อสดชื่นเป็นสุข ก็ให้ใช้ความสุขนั้นไปคิดถึงบุคคลที่น่าโกรธน่าเกลียด ด้วยความรู้สึกว่าเขามีส่วนให้เราได้รู้จักรสสุขแห่งการอภัย เขาจึงน่าจะมีส่วนแห่งการเป็นสุขร่วมกับเรา เมื่อนึกถึงความสุขนั้นได้บ่อยครั้ง ครั้งละนานๆ ในที่สุดความสุขจากการอภัยก็เข้ามาแทนที่ความทุกข์จากความเกลียด
นั่นเองคือการไม่ฝืนใจ นั่นเองคือการเต็มใจอภัยอย่างเป็นสุข