บล็อก

มาจับโกหกจากภาษากายกันเถอะ

ความนิยม 6เข้าชม/อ่าน 1633 ครั้ง2012-1-25 14:07

มาจับโกหกจากภาษากายกันเถอะ 

 

 

 

         ตั้งแต่เด็กเรามักถูกสอนให้พูดความจริง ห้ามพูดโกหก แต่เมื่อโตขึ้นกลับพบเรื่องโกหกอยู่มากมายรอบตัวเรา มีทั้งการโกหกเล็กเล็กของเด็กที่ไม่ส่งการบ้าน การโกหกระหว่างเพื่อนร่วมงาน หรือคู่รัก จนกระทั่งโกหกของนักการเมืองต่อประชาชน บางครั้งเราเองต้องพูดโกหก และบางครั้งเราเองอาจถูกโกหก
         บางคนบอกว่าชอบของขวัญชิ้นนี้ทั้งที่รู้สึกเฉยๆ
         บางคนชมคนอื่นว่าทำได้ดีมากเพียงเพื่อให้กำลังใจ
         บางคนบอกเพื่อนว่าไม่ว่างเพียงเพราะไม่อยากออกไปพบ
         อาจเคยลาป่วยทั้งที่สบายดี
         และบางคนบอกไม่มีตังค์ เมื่อ เพื่อนมายืม
         การโกหกส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวัน เป็นไปเพื่อการเอาตัวรอดหรือรักษาความรู้สึกของผู้อื่น หลายครั้งคนเราโกหกเพราะความรัก มากกว่าจะเป็นไปเพื่อการหลอกลวงหรือคิดร้าย  แต่ในหลายๆครั้งที่เราเองก็อยากรู้ว่าสิ่งที่เราได้ยิน เป็นความจริง หรือโกหก
         แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร
         วิธีการหนึ่งคือ การอ่านภาษากาย
         ร่างกายคนเราจะส่งสัญญาณบางอย่างออกมาเมื่อสิ่งที่พูด ไม่ตรงกับสิ่งที่คิด
         นักจิตวิทยาได้สนใจศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง การโกหก กับ การแสดงออกทางร่างกายและพฤติกรรม มีสมมติฐานอยู่สองประการ
ประการ ที่หนึ่ง การโกหกทำให้เกิด ความกลัว และความกังวล ซึ่งเป็นสิ่งที่ร่างกายควบคุมได้ยาก และส่งสัญญาณออกมาเป็นพฤติกรรมที่สังเกตุได้หลายๆทาง
ประการที่สอง การโกหก ใช้กระบวนการคิดและการทำงานของสมองที่ซับซ้อนและ แตกต่างจากการพูดความจริง การใช้สมองที่แตกต่างกันนี้เอง ทำให้การแสดงออกทางร่างกายแตกต่างกัน
จากแนวคิดทั้งสองนี้ จึงมีคนสนใจศึกษาว่า มีสัญญาณเฉพาะอะไรบ้าง ที่จะใช้แยกระหว่างการพูดความจริง กับการโกหก เราเรียกสิ่งนี้ว่า สัญญาณแห่งการโกหก
         ก่อนจะทำความรู้จักกับสัญญาณแห่งการโกหก
         ลองตั้งคำถามกับตัวเองดู.....คุณมีความสามารถในการจับโกหกได้ดีแค่ไหน?

 

 

 

 

เรา ลองมาดูข้อสังเกตในการจับโกหกกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสังเกตทางด้านอวัจนะภาษา หรือภาษากาย เนื้อหานำมาจากหนังสือชื่อ The Definitive Book of Body Language เขียนโดย Allan และ Barbara Peaseในหนังสือเล่มดังกล่าวเขาได้แนะนำว่า  มีปฏิกิริยาอยู่หลายๆ ประการที่คนมักจะแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อโกหกค่ะ



1.ประการ แรก ได้แก่ การเอามือปิดปาก ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นโดยเราไม่รู้ตัว และเหมือนกับเป็นจิตใต้สำนึกที่มักจะบอกให้เรา ปิดบังในสิ่งที่เราโกหกออกไป ซึ่งการเอามือปิดปากนั้น อาจจะเป็นในหลายรูปแบบค่ะ เช่น ทั้งมือ หรือ บางนิ้ว หรือแม้กระทั่งการไอและเอามือปิดปาก บางครั้งการนำมือขึ้นมาปิดปาก ก็อาจจะหมายถึงการที่ผู้พูดกำลังปิดบังบางอย่างจากผู้ฟังก็ได้ค่ะ

 

2.ประการ ที่สอง คือ การนำมือแตะจมูก โดยอาจจะเป็นการเอามือมาถูหรือแตะที่จมูกอย่างรวดเร็ว ซึ่งที่มาที่ไปของการแตะ หรือถูจมูกนั้น มีที่มาที่ไปน่าสนใจค่ะ นั่นคือมีงานวิจัยจาก Smell and Taste Treatment and Research Foundation ที่พบว่าเมื่อเราโกหกนั้น จะมีสารเคมีชนิดหนึ่งชื่อ Catecholamines หลั่งออกมา ทำให้ผนังหรือเนื้อเยื่อภายในจมูก มีอาการพองขึ้น ทำให้เกิดอาการระคายเคือง

นอกจากนี้ยังพบอีกนะคะ ว่าเมื่อคนเราโกหกโดยเจตนาแล้ว จะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และส่งผลให้จมูกของเราพองขึ้นด้วยแรงดันโลหิต ทำให้รู้สึกระคายเคือง ดังนั้นการแตะหรือถูจมูก จึงเป็นสิ่งที่เรามักจะทำเพื่อลดอาการดังกล่าวค่ะ

 

 

3.ประการ ที่สาม คือ การถูตา ซึ่งวิเคราะห์กันมาแล้วว่าเป็นปฏิกิริยาที่ผู้พูดใช้เพื่อไม่ต้องมองหน้า หรือสบตาผู้ที่เรากำลังโกหกอยู่ บางคนอาจจะไม่ใช้มือถูตา แต่จะเส มองไปทางอื่นแทนค่ะ

 

 

4.ประการที่สี่ คือ การดึงปกคอเสื้อค่ะ มีงานวิจัยที่ค้นพบว่า นอกเหนือจากการระคายเคืองบริเวณจมูกแล้ว บริเวณลำคอก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีการระคายเคืองเมื่อเราโกหก เนื่องจากความดันโลหิตที่สูงขึ้น เมื่อเราโกหก ทำให้เกิดเหงื่อออกบริเวณลำคอ ดังนั้นการดึงบริเวณปกคอเสื้อจึงเป็นปฏิกิริยาหนึ่งที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อ เราโกหก

 

5.ประการที่ห้า คือ การดึงหรือจับใบหูค่ะ แต่มักจะเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเมื่อเราได้ยินบางอย่างที่เราไม่เชื่อ หรือไม่เห็นด้วย หรือไม่อยากฟัง แต่เราไม่สามารถพูดออกไปได้ตรงๆ ดังนั้นถ้าท่านผู้อ่านกำลังสนทนาอยู่กับผู้ใด และเขาแสดงปฏิกิริยาดังกล่าว แต่ปากกลับแสดงอาการเห็นด้วยกับสิ่งที่เราพูดนั้น ก็อาจจะตั้งข้อสงสัยได้ค่ะว่าผู้ฟังนั้นเห็นด้วย หรือเชื่อในสิ่งที่เรากำลังพูดหรือไม่

นอกจากนี้การจับใบหูก็ยังมี ความ หมายอย่างอื่นด้วยนะคะ บางคนอาจจะใช้ปฏิกิริยาจับหูเมื่อคิดว่าตนเองฟังมาจนพอแล้ว และต้องการที่จะพูดบ้าง แต่ในบางประเทศนั้น การจับหรือดึงใบหูก็เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นเพศที่สามค่ะ (ดังนั้นระวังไว้หน่อยนะคะ หุหุ)

 

 

 

 

เป็น ไงบ้างคะ พอจะเป็นแนวทางเล็กๆ น้อยๆ ให้ท่านผู้อ่านในการจับโกหกบ้างได้นะคะ ทีนี้ในการจับโกหกนั้น ยังพบอีกว่าถ้าเปรียบเทียบระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย แล้วเราจะพบว่าผู้หญิงเราจะจับโกหกผู้อื่นได้ดีกว่าผู้ชายค่ะ เนื่องจากในการสนทนากันนั้น ภาษากายคิดเป็น 60-80% ของข้อความที่ส่งออกมา และผู้หญิงจะเป็นเพศที่มีความละเอียดอ่อนกว่าเพศชาย และสามารถจับสัญญาณต่างๆ ได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความแตกต่างระหว่างคำพูดที่พูดออกมา กับภาษากายที่แสดงออก ได้ดีกว่า

ดังนั้นถ้าผู้หญิงจะโกหกหรือหลอก ผู้ชาย จึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าผู้ชายคิดจะโกหกผู้หญิงแล้ว วิธีที่ดีที่สุดคือทางโทรศัพท์ค่ะ อย่าให้เธอเห็นภาษากายของคุณเด็ดขาด555+

เนื้อหา ในนี้ ไม่ได้สนับสนุนให้โกหกนะคะทุกท่านขา เพียงแต่เป็นการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการโกหก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างการโกหกกับภาษากายที่แสดงออกมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าใครถูจมูก หรือปิดปาก หรือดึงคอเสื้อ จะหมายความว่าบุคคลผู้นั้นกำลังโกหกเสมอไปนะคะ จะต้องดูบริบท และสภาวะแวดล้อมในขณะนั้นประกอบด้วย เช่น เขาอาจจะกำลังเป็นหวัด เป็นต้น ไม่ใช่แต่การโกหกอย่างเดียวนะคะ ที่นำไปสู่การคันหรือเคืองจมูก อาการโกรธ ตื่นเต้น หรืออารมณ์เสีย ก็สามารถนำไปสู่การถูจมูก หรือปิดปาก หรือดึงคอเสื้อได้เหมือนกัน

 

 

ขอบพระคุณ: รศ.ดร.พสุ เดชะรินทร์ สำหรับความรู้นี้ค่ะ



^

^


เขินอ่ะ

อะไรก็ไม่รู้
2

เห็นด้วยๆ
4

ซึ้งจังเลย

ขำฮาตรึม

มีผู้แสดงความรู้สึก (6 คน)

ความคิดเห็น (0 ความคิดเห็น)

facelist doodle วาดภาพ

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถแสดงความคิดเห็นได้ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

loneliness_2012 ID 5800

  • อันดับ
    Level.4
  • เครดิต
    1391
  • เครดิต
    1391
  • เงินยูโร
    13106085
  • จิตพิสัย
    17272
  • ทอง
    2850
TOP