บล็อก

สูตรลึกลับของโคคา-โคล่า หรือโค๊ก ...

ความนิยม 4เข้าชม/อ่าน 565 ครั้ง2011-9-25 04:32

              บริษัท ทรัสต์ คอมพานี แห่งรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐฯ เป็นที่เก็บสูตรลับของเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลกชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า โคคา-โคล่า หรือคนทั่วไปเรียกว่า โค๊ก สูตรลับนี้มีผู้ที่สามารถเปิดดูได้เพียงคนเดียวเท่านั้นคือผู้อำนวยการบริษัท

           ถึงแม้จะมีผู้จัดจำหน่ายอยู่หลายแห่งทั่วโลก แต่ไม่มีสักรายที่ล่วงรู้ส่วนผสมที่แท้จริง เพราะบริษัทจะจัดส่งหัวเชื้อซึ่งเป็นน้ำเชื่อมและส่วนผสมอื่นๆ ให้ผู้แทนจำหน่ายไปผสมกับน้ำโซดา แม้กระทั่งรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ไม่สามารถล่วงรู้สูตรลับของโคคา-โคล่า ได้

           ปี ค.ศ.1983 นักเขียนอเมริกัน วิลเลียม พาวน์สโตน ตีพิมพ์ผลงานที่มีความยากลำบากในการค้นคว้าชื่อว่า Top Secret เขาบอกว่า ส่วนผสมหลักของโค้ก บริษัทจะกำหนดเป็นส่วนผสมหมายเลข 1-9 และเรียกว่าเป็นสินค้านั้น มีดังนี้คือ

1.น้ำตาล  2.น้ำตาลไหม้  3.คาเฟอีน(ไร้คาเฟอีน)  4.กรดฟอสฟอริก  5.สารสกัดจากใบโคคา(สกัดเอาโคเคนออกแล้ว) และสารสกัดจากเมล็ดโคลาปริมาณเล็กน้อย  6.กรดน้ำส้ม และโซเดียมไซเทรต  7X.มะนาวฝรั่ง ส้ม มะนาว แคสเซีย(cassia คืออบเชยชนิดหนึ่ง) น้ำมันลูกจันทร์เทศ และสารอื่นๆ  8.กลีเซอรีน  9.วานิลลา

         การวิเคราะห์สารเคมีทำให้รู้ส่วนผสมบางอย่าง แต่ส่วนที่ค้นพบยากที่สุดคือส่วนที่เป็นหัวน้ำมันหอมระเหยใน สินค้าหมายเลย 7X (ไม่มีคำอธิบายความหมายของ X) การนำเอาหัวเชื้อเหล่านี้มาผสมกันใช่ว่าจะได้กลิ่นและรสชาดตามสูตรของโคคา-โคล่า เพราะน้ำมันเหล่านี้จะทำปฏิกิริยากันเกิดเป็นกลิ่นและรสชาดอื่นๆ ได้อีก การที่จะลอกเลียนแบบต้องรู้ส่วนผสมและสัดส่วนที่แท้จริง ซึ่งยากในการวิเคราะห์ ด้วยเหตุนี้ส่วนผสมก็ยังคงเป็นความลับสุดยอดของโคคา-โคล่า จนถึงทุกวันนี้

        เครื่องดื่มที่ติดปากของคนทั่วโลก ดร.จอห์น เอส เพมเบอร์ตัน (John Stith Pemberton) ซึ่งเป็นผู้คิดค้นสูตรดั้งเดิมของโคคา-โคล่า เขาเป็นเภสัชกรที่แอตแลนตา จอร์เจีย ในปี ค.ศ.1885 เขานำเอาเครื่องดื่มที่ผสมเหล้าองุ่นแดงมาดัดแปลโดยผสมใบโคคาลงไปด้วย ซึ่งโคคามีสารกระตุ้นประสาทที่เรียกว่าโคเคน แต่กลับขายไม่ดี เขาจึงปรับปรุงสูตรอีกโดยเอาลูกโคลามาแทนเหล้าองุ่นแดง ซึ่งโคลานี้เป็นโคลาพันธุ์แอฟริกา มีสารประตุ้นประสาทที่เรียกว่า คาเฟอีน เขาได้เติมน้ำตาลและแต่งกลิ่นไม่ให้ขม

       สัญลักษณ์โคคา-โคล่า เป็นการออกแบบของหุ้นส่วนที่ชื่อว่า แฟรงค์ เอ็ม โรบินสัน (Frank Mason Robertson) เมื่อปี 1887 เพมเบอร์ตันขายสูตรนี้ให้ วิลลิส อี
วเนเบิล และ จอร์จ เอส ลอนเดส และอีก 5 เดือนต่อมาก็ขายต่อให้ วูลโฟล์ค วอล์เคอร์ และ เอ็ม ซี โดเซียร์ และต่อมาอีก 1 ปี ก็ขายให้ เอซา จี แคนด์เลอร์ (Asa Griggs Candler) ซึ่งเพมเบอร์ตันก็ถึงแก่กรรมในปีนั้น
          แคนด์เลอร์ได้ผสมส่วนผสมนี้กับน้ำโซดา และคิดว่าต้องเป็นเครื่องดื่มที่คนนิยมอย่างมาก จึงได้เก็บสูตรนี้ไว้เป็นความลับ แคนด์เลอร์ได้ปรับปรุงสูตรใหม่อีก และรับแฟรงค์ เอ็ม โรบินสัน เข้าเป็นหุ้นส่วน และได้ก่อตั้งบริษัทโคคา-โคล่า ในปี 1892 จนถึงปี 1903 ก็มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่รู้สูตรของเครื่องดื่มชนิดนี้ และมีสิทธิ์ในการผสมน้ำเชื่อมในห้องลับ

         เขาได้แกะฉลากส่วนผสมต่างๆ ออกและชำระเงินด้วยตัวเองเพื่อไม่ให้ฝ่ายบัญชีรู้ว่าซื้อส่วนผสมอะไรมา เมื่อบริษัทเติบโตขึ้น เขาทั้งสองคนไม่สามารถผสมส่วนผสมต่างๆ ได้ด้วยตัวเองอีก เขาจึงกำหนดหมายเลข 1-9 เพื่อใช้เรียกชื่อส่วนผสม ผู้จัดการสาขาจะรู้เพียงสัดส่วนและวิธีผสมเท่านั้น

         เมื่อปี 1909 รัฐบาลสหรัฐฯ ยื่นฟ้องบริษัทว่าใช้ส่วนผสมที่มีโคคาอยู่ด้วย ซึ่งอาจจะมีโคเคนผสมอยู่ คดียืดเยื้อกว่า 10 ปี แต่ก็ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าในส่วนผสมพบโคเคนอยู่ในสารสกัดโคคาหรือโคลาแม้แต่น้อยนิด

         วิลเลียม พาวน์สโตน กล่าวในหนังสือ Top Secret ว่า ในโคคา-โคล่ามีส่วนผสม โคคาหรือโคลา เพียงนิดเดียว ซึ่งไม่มีผลต่อรสชาดสักเท่าใด

         ในสงครามโลกครั้งที่ 2 กองกำลังฝ่ายพันธมิตรในแอฟริกาได้สั่งซื้อโคคา-โคล่า จำนวนถึง 3 ล้านขวด ส่วนโคคา-โคล่าที่เป็นกระป๋องเพิ่งมีในปี 1955


รวบรวม จากอาร์ทเมนดอทเนท

เขินอ่ะ

อะไรก็ไม่รู้
1

เห็นด้วยๆ
2

ซึ้งจังเลย
1

ขำฮาตรึม

มีผู้แสดงความรู้สึก (4 คน)

ความคิดเห็น (0 ความคิดเห็น)

facelist doodle วาดภาพ

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถแสดงความคิดเห็นได้ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

Pakdeekul ID 3

  • อันดับ
    Level.25
  • เครดิต
    182536
  • เครดิต
    182536
  • เงินยูโร
    51064413
  • จิตพิสัย
    50911259
  • ทอง
    262714
TOP