บล็อก

หลวงตากับโยม

ความนิยม 3เข้าชม/อ่าน 564 ครั้ง2011-10-2 02:25

           โยมผู้หญิงท่านหนึ่งมาวัดปฏิบัติธรรมทุกวันพระ และวันสำคัญทางศาสนา ติดต่อกันมานับได้ 8 ปี อยู่มาวันหนึ่งโยมจึงปรารภกับหลวงตาว่า

    ท่านเจ้าคะดิฉันมาวัดปฏิบัติธรรม 7-8 ปีแล้ว เดี๋ยวนี้ดิฉันละได้หมดแล้วคะราคะ โทสะ โมหะ หลวงตาได้ยินดังนั้นจึงถามโยมว่า จริงหรือโยม โยมก็ยืนยันว่า จริงแหละเจ้าคะ หลวงตาต้องการความมั่นใจถามอีกครั้งว่า แน่นะโยมนะ โยมก็ยีนยันอย่างมั่นใจว่า แน่แหละเจ้าคะ หลวงตาพูดสวนคำตอบไปทันทีว่า อีตอแหล โยมโกรธตัวสั่นรีบลุกขึ้นเดินออกจากวัดไป

          แนวทางการวิเคราะห์เพื่อประเทืองปัญญา

1. สติขาดปัญญาหาย คุยว่าแน่ ที่แท้แพ้กิเลส

2. คนปกติเป็นคนดีอยู่แล้วแต่เมื่อ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไปกระทบกับสิ่งแวดล้อม คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และสิ่งที่เป็นอารมณ์ ขาดสติถูกอวิชชาเข้าครอบงำ เกิดอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง พฤติกรรมก็เปลี่ยนไปไม่น่ารัก ศาสนาอิสลามอธิบายว่าอิบลิดไชตอน หรือซาตานเข้าแทรก พุทธศาสนาอธิบายว่ามาร หรือมาราได้ช่องอาการเช่นนี้เป็นอยู่เพียงชั่วขณะ เมื่อสติมาปัญญาเกิด ปัญญาก็รักษาใจให้สงบเย็นเป็นปกติ พฤติกรรมก็ถูกต้องดีงามไปตามเดิม

3. ชีวิตต้องถูกทดสอบ หรือทำข้อสอบทุกขณะเมื่อถูกกระทบกับสิ่งแวดล้อม ถ้าสติเร็วมาทันเวลากระทบแล้วไม่กระเทือน จิตไม่หวั่นไหว ใจของเราก็ดีไม่มีกิเลส ถ้าสติช้ามาไม่ทันกระทบแล้วต้องกระเทือนเพราะรู้ไม่ทัน จำเป็นต้องทน ถ้าไม่ทนผลยับเยิน ถ้ารู้ทันไม่ต้องทนเพราะไม่กระเทือน

4. สติ คือรู้ตัว รู้ทัน รู้ปัจจุบัน รู้หน้าที่ ต้องไวเหมือนกับผู้ฝึกวิทยายุทธ์ในภาพยนต์จีนกำลังภายใน สติต้องไวทุกขณะทุกอิริยาบถเมื่อข้าศึก หรือศัตรูซัดอาวุธลับเข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จับอาวุธลับได้ทัน ไม่เป็นอันตราย

5.โยมผู้หญิงสติช้ามากหลวงตาเตือนถึงสองครั้งยังไม่รู้ตัว ยังคุยโวอีก หลวงตาซัดอาวุธลับ คือถ้อยคำที่ทำให้รู้สึกชอบ หรือไม่ชอบ จิตจะหวั่นไหวใจหมดความสงบสุข

6. ผู้อ่านลองตรวจสอบดูว่าเราสติช้าหรือเร็วแม้ขณะอ่านก็ต้องระวังใจ เผลอสติเมื่อไรจิตหวั่นไหว กับเรื่อง หรือคำวิเคราะห์ทั้งทางชอบหรือไม่ชอบ เราก็ถูกอาวุธลับซัดเข้าทางตา หวังว่าทุกท่านใจยังดีอยู่ไม่เผลอให้ดีใจ-เสียใจ

จากหนังสือ นิทานก่อนนอน