สำนึก ของ สุ นัข ตัว หนึ่ง เมื่อ 5 ธันวา ...
ความนิยม 5เข้าชม/อ่าน 504 ครั้ง2011-12-5 07:34
ผู้ชายที่ใส่เสื้อคลุมสีขาว ห้อยหูฟัง ซึ่งใส่แว่นหนาเตอะ เพิ่งเดินผละจากเตียงออกไป ก่อนพ้นประตูห้องเขากำชับผู้หญิงที่ใส่ชุดคลุมสีขาว หมวกทรงประหลาดสีขาว เครื่องหมายกากบาทสีแดง วัยกลางคน ที่นั่งอยู่ตรงประตูห้อง..
ตอนห้าทุ่ม วัดปรอท..แล้วโทรฯบอกผมด้วย
ผมได้ยินที่เขาสั่งการ น้ำเสียงอ่อนโยนแต่ดูจริงจัง แววตาหลังแว่นอันหนานั้นส่อแววกังวล..ผมพอเข้าใจได้.. แต่หาได้เข้าใจความหมายว่ามันเป็นอย่างไร เพียงมองไปที่เตียงสีขาวสะอาดสะอ้านใกล้หน้าต่าง..นายของผมนอนหลับตาพริ้มอยู่บนนั้น มีสายยางที่เชื่อมมาจากถุงที่มีน้ำใส ๆ บรรจุอยู่มีสายโยงใส ๆ มาตรงข้อมือ น้ำใส ๆ ในถุงค่อย ๆ หยดลงช้า ๆ ทีละหยด ๆ มันเป็นภาพที่ชินตาอย่างยิ่ง เพราะนับปีแล้ว ที่ผมถูกพามาที่นี่ ใช้ชีวิตบนตึกสูงลิ่ว มองผ่านหน้าต่างไปก็จะเห็นลำน้ำสายใหญ่ ไหลเอื่อย ๆ อยู่เบื้องล่าง ถัดจากริมแม่น้ำมีสนามหญ้าสีเขียวกว้างขวาง ทำให้ผมอยากลงไปวิ่งเล่นที่นั่น..แต่..จะไปได้อย่างไร? เมื่อนายผู้เป็นที่รักยังคงต้องนอนอยู่บนเตียงอย่างนั้น ผมเฝ้ามองเขาตลอดเวลาด้วยความภักดีและห่วงใย ยามที่เขารู้สึกตัวลืมตาขึ้น ผมจะตะกายที่ข้างเตียงอย่างดีใจ และรู้สึกอบอุ่นทุกครั้ง ที่เขาค่อย ๆ ขยับมือมาตบหัวผมเบา ๆ พร้อมพึมพำข้อความในลำคอ ประหนึ่งทักทาย
ผมเฝ้านึกถึงแต่วันที่สดใส ท้องฟ้าสีคราม กับท้องทะเลสีน้ำเงินเข้มกว้างไกล บนผืนทรายที่ซึ่งเคยวิ่งเล่นกับผู้เป็นนายทุกเช้าค่ำ ไม่ว่าเขาจะย่างเท้าเดินไปทางไหน? ผมเป็นต้องเดินนำหน้า ตรวจตราดูว่า จะมีอะไรมั้ย แมลง สัตว์เลื้อยคลาน ที่อาจแอบซ่อนตามพื้นทราย โขดหิน หรือ ตามสุมทุมพุ่มไม้ พวกมันเหล่านั้น ไม่เคยรอดจากสายตาผมไปได้..นั่นก็เพราะจมูกผมมันไวชะมัดยาดอยู่แล้ว ทั้งถือได้ว่ามันเป็นหน้าที่ผู้พิทักษ์อย่างผม นั่นเอง
หลายปีมานี้..นายผมมักจะเดินช้า ๆ เอาว่า ช้ามากก็แล้วกัน ไม่เหมือนตอนที่ผมมาอยู่ด้วยใหม่ ๆ เมื่อหลายปีก่อน.. หลายครั้งที่ผมต้องวิ่งย้อนกลับมาตั้งต้นใหม่ใกล้ ๆ เขา เมื่อหันมาเห็นว่า เขาอยู่ข้างหลังไกลไปแล้ว เขาจะยิ้มน้อย ๆ และลูบหัวผมด้วยความรัก..ยิ่งถ้าผมคาบกิ่งไม้เล็ก ๆ มายื่นให้เขา เพื่อให้เขาโยนมันออกไป แล้วผมวิ่งไปคาบกลับมาส่งให้เขาทำอย่างนั้นอีก..หลาย ๆครั้ง เขาก็ทำอย่างนั้นซ้ำ ๆ ระยะหลัง เขาเหนื่อยเร็วกว่าที่เคยเป็น เขาจะหยิบกิ่งไม้ถือไว้ในมือ ไม่โยนมันออกไปอย่างที่ผมต้องการ เขาจะพูดเบา ๆ ว่า.. พอแล้ว..วันนี้เหนื่อยแล้ว.. ผมก็จะไม่เซ้าซี้ใด ๆ แต่ก็อดภูมิใจไม่ได้ เมื่อนายนั่งพักบนโขดหินเตี้ย ๆ ผมจะหมอบเฝ้าอยู่ข้าง ๆ แล้วผมเห็นเขาใช้กิ่งไม้นั้น ขีดเขียนอะไรบนพื้นทราย...ด้วยสายตาครุ่นคิด..บางที นานเป็นชั่วโมง ๆ...
..เมื่อไรหนอ นายเขาจะพาผมกลับไปที่นั่นอีก...
เมื่อเดือนที่แล้ว..ตอนค่ำ ๆ นายของผมจะนั่งจ้องจอโทรทัศน์สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ จ้องมองภาพน้ำท่วมที่ปรากฏในจอภาพ ซ้ำ
แล้ว ซ้ำเล่า ทำให้เขารู้สึกไม่มีความสุข ผมเห็นได้ในแววตาของเขา มันเหมือนเมื่อหลายเดือนก่อน ที่ในจอสี่เหลี่ยม มีภาพ
ไฟโหมลุกไหม้ ตึกรามบ้านช่อง ตรงที่มีคนสรวมเสื้อแดงหน้าตาท่าทางน่ากลัว..ถือมีดถือไม้ รวมตัวกันโห่ร้องโกลาหล.. สาย
ตาของนายมีประกายความกังวล ปวดร้าวโชนชัด..ผมกระดิกหางเข้าไปหา ด้วยอยากปลอบโยน อยากให้นายรู้สึกอบอุ่น ..เมื่อ
เข้าไปใกล้ ๆ ผมจึงเห็นน้ำใส ๆ รื้นอยู่ในดวงตานั้น..
เช้าวันนี้..ดูต่างจากวันอื่น ๆ นายของผมตื่นแต่เช้ากว่าวันก่อน ๆ ผมวิ่งไปที่เตียง เขาเอามือมาแตะที่หัวผม ส่งยิ้มที่มีประกาย
ความสุข แววตาที่มองมายังผม มันเปี่ยมไปด้วยความเมตตา ผมรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก ผมวิ่งวนไปมารอบ ๆ เตียง เมื่อตะกายไป
ตรงขอบหน้าต่างมองไปข้างล่าง เห็นผู้คนมากมาย เขามากันทำไมหนอ? ทั้งที่ยังเช้าตรู่แบบนี้ เหมือนว่าใส่เสื้อสีชมพูกันทั้ง
หมด ในมือถือธงสีเหลืองกับธงชาติ นั่งอยู่ตามริมทางเดิน และตามใต้ร่มไม้ ต่างจ้องมองมายังตึกหลังนี้..ผมส่งเสียงเบา ๆ
นายผมเหลียวไปดู แล้วยิ้มน้อย ๆ ..ผมไม่เห็นรอยยิ้มแบบนี้นานมาแล้ว..
ใคร ๆ ต่อใคร..เข้ามาในห้องมากมาย..ครู่เดียว ผมก็เห็นนายของผม ในชุดเสื้อสีทอง เปล่งปลั่งงดงาม นั่งบนรถเข็น ชายร่าง
ใหญ่ที่ใส่แว่นหนาเตอะ ค่อย ๆ เข็นรถออกไปจากห้อง ผมวิ่งตามไป รถเข็นหยุดนิดหนึ่ง เมื่อนายเอื้อมมือมาแตะที่หัวผม ก่อน
จะขึ้นรถคันใหญ่ พร้อมพูดเบา ๆ ว่า... อยู่นี่แหละ เดี๋ยวกลับมา..
ผมถูกพากลับมาที่ห้องเดิม เมื่อตะกายดูที่หน้าต่าง คนข้างล่างโบกธงกันไหว ๆ เปล่งเสียงดัง ๆ เหมือนกันว่า ..ทรงพระเจริญ ๆๆ ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า..แม้ผมจะไม่เข้าใจความหมายนั้น..เมื่อหันมามองจอโทรทัศน์ผมเห็นผู้คนที่เปล่งเสียงนั้น..ทุกคนต่างมีสายตาที่เปี่ยมความสุข..แต่ทำไม? จึงต้องร้องไห้ก็ไม่รู้ได้...
รถคันใหญ่สีขาว คันที่ผมก็เคยไปด้วย วิ่งอยู่ในจอโทรทัศน์ ผ่านผู้คนมากมายเหลือเกิน ตามถนนหนทาง ต่างโบกธงปลิว
ไสว และเปล่งเสียงร้องอย่างปิติ...ตลอดเส้นทาง..นายของผมอยู่ในรถ ยกมือโบกน้อย ๆ ให้ผู้คนเหล่านั้น..เขาทำแบบนี้เสมอ
ผมจำได้...
ผมหมอบรออยู่ในห้องด้วยความกระวนกระวาย เมื่อเสียงประตูห้องเปิดออก นายของผมกลับมาแล้ว..ผมแสนจะดีใจ วิ่งไป
ต้อนรับ นายเอามือมาตบหัวผมเบา ๆ ..เรากลับมาแล้ว..
ครู่เดียว ทุกคนกลับออกไป ผมไปตะกายที่ข้างเตียง อยากเข้าไปใกล้ชิด..นาย จุ๊ย์ปากเบา ๆ
..เอาล่ะ ๆ พอแล้ว ๆ ...ก็เหลือแต่เราสองคนนี่แหละ..
นายของผม ค่อย ๆ เอนหลังลงกับเตียงนอน ครู่เดียวก็หลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน...
ผมอยากจะบอกนายเหลือเกินว่า..กลับไปบ้านเราเหอะ..ผมจะคาบกิ่งไม้มาให้..ผมจะดูแล ไม่ให้แมลง และ สัตว์เลื้อยคลาน เข้ามาใกล้แม้แต่นิดเดียว..
ไปจากตึกนี้กันเถิด ผมอยากเดินไปกับผู้เป็นนายที่แสนมีเมตตา
ใต้ฟ้าสีครามกับน้ำทะเลสีน้ำเงินบนหาดทรายสีขาว
เสียงไก่ขันโต้ตอบกันยามเช้า ดังก้องไปทั่วหมู่บ้านหนองกระโดนมน
เฒ่าคงสะดุ้งตื่น ลุกขึ้นนั่งพร้อมทบทวนเรื่องที่ตนได้ฝันไป..เมื่อกุลีกุจอล้างหน้าล้างตาเสร็จ จึงรีบไปที่หิ้งพระ ตรงข้างหิ้งพระ
เป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัวประทับนั่งโดยมีคุณทองแดงหมอบเคียงแทบพระบาท
ตะแกเพ่งมองรูปที่แขวนบนผนัง ย้อนโยงถึงความฝันเมื่อเช้ามืด รู้สึกขนลุกซู่ทั้งตัว ก่อนก้มลงกราบ พร้อมเปล่งวาจาด้วย
ความปิติในหัวใจว่า
พระบารมีปกเกล้า..ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน..เทอญ
สายลมยามเช้าพัดเข้ามาทางหน้าต่างแผ่วเบา..แว่วเสียงนกกางเขนบ้านร้องร่าเริง หวีดหวิว...
ไอ้น้ำตาล หมาไทยหลังอานสีเม็ดมะขาม กระดิกหางหมอบรอเฒ่าคง อยู่ตรงระเบียง มันเห่าเบา ๆ เหมือนจะบอกว่า..ถึงเวลา
พานายไปเดินในสวนหลังบ้านอีกแล้ว...
นายเม็ดฝุ่น
มีผู้แสดงความรู้สึก (5 คน)