วิธีเยียวยาจิตใจ ไม่ให้จมหายไปตามน้ำ ...
ความนิยม 4เข้าชม/อ่าน 540 ครั้ง2011-10-26 14:34
สถานการณ์ภัยธรรมชาติเช่นนี้ย่อมมีผลกระทบต่อทุกท่านที่ประสบไม่ว่าทั้งทางร่ายกายและจิตใจ และถ้าเราสะสมสิ่งเหล่านี้ไปนาน ๆ แน่นอนร่างกายจะเริ่มทนไม่ไหว และจะแสดงออกมาในรูปแบบของการเจ็บป่วย การเจ็บป่วยทางกายการแสดงออกเรามองเห็นได้ไม่อยาก แต่การเจ็บป่วยทางใจที่ร่ายกายสะสมเป็นเวลานาน ๆ ภายใต้สถานการณ์ตรึงเครียดเช่นนี้ ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัดนัก แต่เมื่อแสดงออกมาก็อาจจะสายเกินแก้ และกายรักษาก็เป็นไปได้อยากเช่นกัน เพราะฉะนั้นเรามาหาทางป้องกันกันก่อนดีกว่า ก่อนที่ความเสียหายทางจิตใจจะเกินเยียวยา ผมเองก็ตกอยู่ในสถาการณ์น้ำท่วมต้องอยู่แต่บริเวณชั้นสองของบ้าน ผมมีคำแนะนำดังนี้ครับ
1.ทำร่ายกายและจิตใจให้สงบ
ในสถานการณ์ที่เราเครียดมาก ๆ ร่างกายของเราจะเตรียมพร้อมที่จะ สู้หรือวิ่งหนี และเข้าสู่วิถีทางสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งถ้าเราอยู่ในวิถีทางนี้นาน ๆ เข้า จะเป็นการทำลายสุขภาพของเราในระยะยาว ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะหาทางระงับการตอบสนองของร่างกายและจิตใจ โดยใช้วิธีการบริหารความเครียด เช่น
การหายใจเข้าออกลึก ๆ สอง สามครั้ง จะเป็นหนทางหนึ่งในการปลดปล่อยความเครียดของร่างกาย
ทำสมาธิ ไม่ว่าจะนั่งสมาธิ ทำโยคะ นั่งฟังเพลง ทำกิจกรรมที่ให้ความเพลิดเพลินไม่คิดถึงในสิ่งที่กำลังประสบอยู่
นอนหลับและทานอาหารให้เพียงพอ
2. บริหารความรู้สึก
การได้ปลดปล่อยความรู้สึกภายในออกมาดีกว่าเก็บไว้คนเดียว มีหนทางแนะนำคือ
เขียน การเขียนถึงความคิด ความรู้สึกการศึกษาพบว่าเป็นวิธีการที่ได้ผลวิธีการหนึ่งในการบรรเทาความเครียด ความกังวลภายในจิตใจ
พูด การได้มีโอกาสได้พูดเรื่องราวที่เราไม่สบายใจให้ใครสักคนฟัง ก็เป็นการระบายความรู้สึกที่ได้ผลวิธีหนึ่ง จากการศึกษาพบว่าการได้มีโอกาสอยู่ในสังคม ได้พูดคุยกัน จะทำให้ความรู้สึกต่าง ๆ ดีขึ้น
3. ทำในสิ่งที่ทำได้
มีรูปแบบของการแสดงออกในสถานการณ์น้ำท่วมเช่นนี้ที่เราสามารถทำได้ ดีกว่านั่งเครียดอยู่เฉย ๆ ได้หลายวิธีเช่น ถ้าเรายังไม่ได้เป็นผู้ประสบภัย เราอาจเข้าไปช่วยเหลือผู้อื่นด้วยการบริจาคเงิน อาหาร สิ่งของ แต่ถ้าเราอยู่ในกลุ่มผู้ประสบภัย เราอาจจะเป็นผู้ที่ให้ความช่วยเหลือผู้อื่นที่ด้อยกว่าเรา เช่น คนชรา เด็ก ผู้พิการ
การที่เราได้ทำอะไรในเชิงบวก จะทำให้เรารู้สึกว่าเราสามารถควบคุมตัวเองได้เหนือสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่
4. มองโลกในแง่ดี
ถ้าเราอยู่ในสถานการณ์น้ำท่วมแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะกังวลถึงสิ่งที่สูญเสียไปเช่น บ้าน รถ แน่นอนว่าสถานการณ์เช่นนี้จะต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตเราครั้งใหญ่ในชีวิต แต่ให้คิดว่าทุกอย่างต้องดีขึ้น สถานการณ์เช่นนี้เป็นโอกาสที่ทำให้เราค้นพบจุดแข็ง และศักยภาพของตัวเราในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ สัมพันธภาพของเราและครอบครัวน่าจะดีขึ้นในสถานการณ์ลำบากเช่นนี้ คิดเสียว่าบ้านจะพัง ของจะเสีย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ แต่ถ้าขวัญเสีย ใจเสีย แล้วเราจะกู้ตัวเองกลับมาได้อย่างไร
หวังว่าข้อเขียนนี้จะช่วยเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤตการณ์ทดสอบชีวิตของเราไปได้ด้วยดี หลังน้ำลด เราจะได้บทเรียนชีวิตที่ยิ่งใหญ่ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
มีผู้แสดงความรู้สึก (4 คน)