|
เมื่อเรืออยู่ในน้ำทะเลนานๆ จะมีสิ่งมีชีวิต เช่น:
เพรียง (barnacles)
สาหร่าย
ฟองน้ำทะเล
หอยแมลงภู่
สิ่งเหล่านี้จะเกาะบริเวณใต้ท้องเรือ ทำให้:
ความเร็วเรือลดลง
น้ำหนักเพิ่มขึ้น → ใช้น้ำมันมากขึ้น
เสี่ยงต่อการกัดกร่อนหรือเสียหายของตัวเรือ
สีใต้ท้องเรือที่เรียกว่า "สีท้องเรือ" (Antifouling Paint) จะมีสารเคมีที่ ป้องกันการเกาะของเพรียงและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
📌 ทำไมต้องเป็น "สีแดง"?สารตะกั่วแดง (Red Lead) หรือ Copper Oxide
สารเหล่านี้ถูกใช้เป็นส่วนประกอบหลักในสีท้องเรือยุคแรกๆ
โดยเฉพาะ Copper Oxide (Cu₂O) ซึ่งมีสีแดงและมีฤทธิ์ต้านการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตทะเล
เมื่อผสมลงในสี มันจะให้สีแดงหรือแดงเข้มโดยธรรมชาติ
ประเพณีที่สืบต่อมา
ต่อให้ในปัจจุบันมีสีท้องเรือหลายสี (เขียว น้ำเงิน เทา ฯลฯ) แต่สีแดงยังคงได้รับความนิยมสูงจาก “ความคุ้นตา” และ “ประวัติศาสตร์”
ช่วยให้มองเห็นระดับน้ำ
เมื่อเรือบรรทุกของหรือโดยสารมาก ระดับน้ำที่แตะกับสีแดงจะเปลี่ยน → ลูกเรือใช้เป็นเครื่องมือประเมินน้ำหนักบรรทุกได้ทางอ้อม
ประเภทสี | คุณสมบัติ |
---|---|
Self-polishing (SPC) | ค่อยๆ ละลายตัวเองออกอย่างช้าๆ → ป้องกันสิ่งมีชีวิตเกาะ |
Hard coating | ทนทานกว่า แต่ไม่ละลาย → ต้องขัดหรือล้างเรือบ่อยขึ้น |
Copper-free antifouling | ทางเลือกใหม่ที่ไม่ใช้ทองแดง ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม |
คำถาม | คำตอบ |
---|---|
ทำไมท้องเรือเป็นสีแดง? | เพราะสีแดงมาจากสารต้านเพรียง เช่น Copper Oxide |
สีมีผลแค่รูปลักษณ์หรือไม่? | ไม่ใช่ สีมีหน้าที่ป้องกันเพรียง ช่วยเรือแล่นเร็ว-ประหยัดพลังงาน |
ใช้สีอื่นได้ไหม? | ได้! ปัจจุบันมีหลากสี แต่สีแดงยังเป็นมาตรฐานดั้งเดิม |