INSTI อินสติ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง คุณภาพระดับโลกจากแคนาดา

การพัฒนาของเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน ได้เติบโตอย่างต่อเนื่องตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าการวิจัยอุปกรณ์การตรวจและการวินิจฉัยโรคต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับวงการแพทย์เป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย เนื่องจากส่งผลดีต่อปัจจัยต่าง ๆ ของโรคมากมายที่มนุษย์กำลังเผชิญอยู่ในทุกขณะ เรียกได้ว่าหากมีนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพเข้ามาช่วยลดการเกิดโรคไปจนถึงการติดต่อของโรค ย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อหลายประเทศทั่วโลกได้เป็นอย่างมาก

หนึ่งในโรคติดต่อที่ยังไม่สามารถหาแนวทางการรักษาให้หายขาดได้ เชื่อว่ามากกว่าครึ่งของประชากรโลกต้องรู้จักโรคเอดส์ หรือ การติดเชื้อเอชไอวี เป็นอย่างดี ด้วยสาเหตุที่ว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนมากมายทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นโรคที่เกิดขึ้นมาเพียงแค่ 40 ปีเท่านั้น ทำให้เกิดหน่วยงานเฉพาะที่หาหนทางรักษาอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา จนในที่สุดเมื่อไม่นานมานี้โลกเราได้ค้นพบยาต้านไวรัสเอชไอวีที่มีประสิทธิภาพ ที่สำคัญยังมีการคิดค้นชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ที่มีความแม่นยำสามารถเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการตรวจคัดกรองเอชไอวีเบื้องต้นได้สะดวกมากกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งในบทความนี้เราจะกล่าวถึง ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง INSTI ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในชุดตรวจเอชไอวีที่ทราบผลได้เร็วที่สุดในโลกขณะนี้ เพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้น ผลตรวจที่แม่นยำกว่า 99% ก็จะแสดงผลให้ทราบอย่างรวดเร็ว มากไปกว่านั้นชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง INSTI ยังผ่านการรับรองจากประเทศแคนาดาที่เชื่อถือได้ 100%

ความเป็นมาและจุดเริ่มต้นของชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองได้ริเริ่มจากองค์การอนามัยโลกเมื่อปี 2012 ที่ต้องการสร้างกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพต่อการลดปริมาณผู้ติดเชื้อ การแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว ตลอดจนเพิ่มการตระหนักรู้ต่อการติดเชื้อให้เร็วมากที่สุด ทั้งหมดนี้เพื่อสอดคล้องกับเป้าหมายที่ชัดเจนควบคู่ไปกับการพัฒนายาต้านไวรัสเอชไอวีที่ดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังช่วยลดภาระของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองของแต่ละประเทศ ที่อาจมีความยากลำบากในการเข้าถึงอีกด้วย

การค้นคว้าวิจัยในขณะนั้นได้รับความร่วมมือจากหลากหลายหน่วยงานระดับสากล โดยมีเป้าหมายหลักที่ต้องการให้มีชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ที่สามารถหาซื้อได้ง่าย ตรวจได้ด้วยตัวเองอย่างสะดวก มีความแม่นยำเทียบเท่าการตรวจคัดกรองเบื้องต้นจากสถานพยาบาล และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่ต้องการทราบผลเลือดอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสถานพยาบาล ทั้งนี้จากทดสอบทั้งทางเคมีตลอดจนการพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของอุปกรณ์ชิ้นนี้ พบว่ามีข้อดีที่เป็นประโยชน์ต่อประชากรทั่วโลก ทำให้องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการในปีถัดไป ให้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองคือทางเลือกที่เหมาะสมต่อการลดจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกได้

การพัฒนาชุดตรวจเอไอวีด้วยตนเอง INSTI

ชุดตรวจเอไอวีด้วยตนเอง INSTI (อินสติ) ได้พัฒนาขึ้นโดย  BioLytical Laboratories ผู้นำด้านการผลิตชุดตรวจโรคติดเชื้ออย่างฉับไวในประเทศแคนาดา ตั้งอยู่ในเมืองริชมอนด์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา เป็นบริษัทเอกชนของแคนาดาที่จัดตั้งขึ้นในปี 2002 ที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์สากลทั่วโลก ด้วยแนวคิดในการเพิ่มโอกาสเข้าถึงการตรวจคัดกรองเอชไอวีที่แม่นยำและคุ้มค่า ประกอบกับการเป็นองค์กรที่ผลิตชุดตรวจต่าง ๆ ทางการแพทย์อยู่แล้ว เช่น ชุดตรวจไวรัสตับอักเสบซี (HCV) ซิฟิลิส เอชไอวี และปัจจุบันคือชุดไวรัสโควิด-19 ดังนั้นมาตรฐานการผลิตและความทันสมัยในการพัฒนาชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองจึงไม่มีข้อกังขาใด ๆ อยู่แล้ว

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง INSTI ได้รับการรับรองจากหน่วยงานระดับประเทศแคนาดาและองค์กรสากลระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น US FDA (Food Drug administration) องค์การอาหารและยาทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ ที่สามารถนำเข้าสหรัฐเพื่อการขายหรือที่ทำการจำหน่ายได้อย่างถูกต้อง องค์กร  Health Canada กระทรวงสาธารณสุขประเทศแคนาดา ได้มาตรฐาน CE (European Conformity) ว่าผลิตภัณฑ์เป็นไปตามข้อกำหนดที่สำคัญของกฎหมายด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และการปกป้องสิ่งแวดล้อมของทางสหภาพยุโรป และได้รับการรับรองจาก WHO Pre-Qualified ว่าชุดตรวจเป็นไปตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้นั่นเอง ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าชุดตรวจเอชไอวี INSTI มีการพัฒนาที่แม่นยำเชื่อถือได้แน่นอน

ประสิทธิภาพของชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง INSTI

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า INSTI สามารถทราบผลการตรวจได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้น จากการทดสอบอย่างพิถีพิถันของทีมงานด้านการแพทย์ทำให้ได้ชุดตรวจที่มากด้วยความแม่นยำและเร็วที่สุดในขณะนี้ก็ว่าได้ ด้วยรูปแบบการตรวจจากการเจาะเลือดบริเวณปลายนิ้ว และได้ออกแบบเครื่องมือต่าง ๆ ให้ใช้งานได้ง่ายด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น ทำให้การตรวจมีความเป็นส่วนตัวสูง ซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องมือดังต่อไปนี้