|
แม้จะไม่ใช่ "สารเสพติด" แบบ นิโคติน แอลกอฮอล์ หรือเฮโรอีน ที่ก่อให้เกิดอาการถอนพิษแบบรุนแรงหากหยุดทันที แต่…น้ำตาลมีคุณสมบัติบางประการที่ “ล่อสมอง” ให้ติดได้ง่าย:
🧠 ด้านชีววิทยา: น้ำตาลกระตุ้นสมองแบบเดียวกับ “ยาเสพติดเบาๆ” 1. น้ำตาลกระตุ้นการหลั่งโดพามีน (Dopamine)โดพามีน = สารแห่งความสุข / รางวัล
ทำให้รู้สึกดี กระปรี้กระเปร่า คล้ายความรู้สึกหลังได้กอดคนที่รักหรือชนะเกม
เมื่อสมอง “จำได้” ว่าน้ำตาล = ความสุข → จะ “เรียกร้องซ้ำๆ”
ร่างกายจะลดจำนวนตัวรับโดพามีนลง → ต้องกินมากขึ้นจึงจะรู้สึกดีเท่าเดิม (เหมือน "ดื้อยา")
หงุดหงิด
ปวดหัว
สมาธิสั้น
อยากของหวานมากผิดปกติ
📌 คล้ายอาการ withdrawal เบาๆ ที่พบในการติดคาเฟอีน หรือแม้แต่แอลกอฮอล์
🧪 งานวิจัยที่น่าสนใจ: 🐀 การทดลองในหนู (Princeton University, 2007)หนูที่กินน้ำตาลเป็นเวลา 21 วัน มีพฤติกรรมคล้ายติดสาร
เมื่อลดน้ำตาล → เกิด withdrawal symptoms เช่น กัดกรง, เครียด, กระวนกระวาย
นักวิจัยเปรียบเทียบว่าน้ำตาล กระตุ้นสมองส่วนเดียวกับยาเสพติดอย่างโคเคนและมอร์ฟีน
เพราะ:
ไม่มีอาการถอนพิษรุนแรงถึงชีวิต เหมือนเฮโรอีนหรือแอลกอฮอล์
ยังไม่มีหลักฐานทางคลินิกเพียงพอในมนุษย์ ที่แสดงว่าติดน้ำตาลในระดับ “บังคับควบคุม”
บริโภคในปริมาณเหมาะสมไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าเกิน → เกิดโรคเรื้อรัง (เช่น เบาหวาน, อ้วน, ฟันผุ)
หัวข้อ | คำตอบ |
---|---|
น้ำตาลเป็นสารเสพติดไหม | ❌ ไม่ใช่ โดยกฎหมาย |
น้ำตาลทำให้ “ติด” ได้ไหม | ✅ ใช่ โดยกระตุ้นสมองส่วนรางวัล |
หยุดกินน้ำตาลแล้วมีอาการไหม | ✅ มีได้ เช่น หงุดหงิด, ปวดหัว |
ติดแบบไหนร้ายแรง | “ติดพฤติกรรม” → อยากกินบ่อย, หยุดยาก, กินแบบไม่รู้ตัว |
ควรกินเท่าไหร่ | WHO แนะนำไม่เกิน 6 ช้อนชา/วัน |
ลดของหวานทีละน้อย ไม่หักดิบทันที
อ่านฉลากอาหาร → น้ำตาลซ่อนในชื่ออื่น (glucose, fructose, syrup ฯลฯ)
ดื่มน้ำให้พอ → ช่วยลด craving
เปลี่ยนจากขนมเป็นผลไม้หวานธรรมชาติ เช่น กล้วย ส้ม อินทผลัม
พักผ่อนพอ + ออกกำลังกาย → ร่างกายไม่เรียกร้องน้ำตาลเพื่อพลังงานเร่งด่วน