แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย wawacalyn เมื่อ 2025-6-25 14:09



มาตรา 116 คือ กฎหมายอาญาที่อยู่ในหมวดความมั่นคงของรัฐ โดยมีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันการปลุกระดม ยุยง หรือชักจูงให้ประชาชนฝ่าฝืนกฎหมาย หรือก่อความไม่สงบในประเทศ โดยในทางกฎหมายแล้ว มาตรานี้มีบทลงโทษรุนแรง และสามารถถูกใช้ดำเนินคดีกับบุคคลทั่วไปได้ หากมีพฤติกรรมเข้าข่าย โดยมาตรา 116 ปรากฏอยู่ในประมวลกฎหมายอาญา หมวด 2 ว่าด้วยความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร บัญญัติว่า

“ผู้ใดกระทำการใด ๆ แก่ประชาชน หรือเผยแพร่ข้อความใด ๆ เพื่อ

(1) ให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร
(2) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน
(3) เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในกฎหมายหรือการปกครองโดยใช้กำลังหรือขู่เข็ญจะใช้กำลัง
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี”
จากข้อความนี้จะเห็นว่า มาตรา 116 มีเจตนาเพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงของรัฐโดยตรง โดยเน้น “การยุยงปลุกปั่น” ที่อาจนำไปสู่ความวุ่นวาย หรือการละเมิดกฎหมาย

พฤติกรรมแบบใดที่เข้าข่าย “ยุยงปลุกปั่น”?
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เราสามารถสรุปพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายมาตรา 116 ได้ดังนี้:
  • การพูดปราศรัยหรือเผยแพร่ข้อความต่อสาธารณะ ที่ชักจูงให้ผู้คนลุกฮือ ฝ่าฝืนกฎหมาย หรือไม่ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐ

  • การโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย ที่มีเจตนาให้เกิดความเกลียดชังต่อรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐ

  • การจัดชุมนุมหรือสนับสนุนกิจกรรมที่มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะเปลี่ยนแปลงกฎหมายหรือโครงสร้างการปกครอง โดยใช้ความรุนแรง

  • การแชร์ หรือบิดเบือนข้อมูลเพื่อปลุกระดมทางอารมณ์ในลักษณะรุนแรง

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกกรณีของการแสดงความคิดเห็น จะถือเป็นความผิดตามมาตรานี้ การพิจารณาความผิดขึ้นอยู่กับ “เจตนา” และ “ผลกระทบ” ต่อสังคมอย่างมีนัยสำคัญ

เส้นบาง ๆ ระหว่าง “เสรีภาพในการแสดงออก” กับ “ความผิดทางอาญา”
ในสังคมประชาธิปไตย เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อเสรีภาพนั้นถูกใช้ในลักษณะที่สร้างความวุ่นวาย ยุยงปลุกปั่น หรือบั่นทอนความมั่นคงของรัฐ ก็อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 116 ได้
ดังนั้นการแสดงความเห็นทางการเมือง ควรคำนึงถึงความเหมาะสม การใช้ถ้อยคำ และบริบทของสังคม โดยเฉพาะเมื่อเผยแพร่ต่อสาธารณะ เช่น โพสต์บน Facebook, X, TikTok หรือในคลิปวิดีโอที่อาจมีการแชร์ต่อเป็นวงกว้าง


โทษตามมาตรา 116
ผู้ที่ถูกดำเนินคดีภายใต้ มาตรา 116 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และอาจถูกควบคุมตัวตั้งแต่ในชั้นสอบสวน หากศาลเห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ โดยไม่ให้ประกันตัวในบางกรณี
นอกจากนี้ หากพฤติกรรมดังกล่าวเชื่อมโยงกับความผิดอื่น เช่น ความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือความผิดอาญาอื่น ๆ โทษอาจเพิ่มขึ้นตามบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

สิ่งที่ควรระวัง
เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 116 คุณควร:
  • ตรวจสอบข้อมูลก่อนแชร์ หลีกเลี่ยงการส่งต่อข้อมูลปลุกระดมหรือความรุนแรง

  • ใช้ภาษาที่สุภาพเมื่อแสดงความเห็นเกี่ยวกับรัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ

  • หลีกเลี่ยงการเชิญชวนให้ละเมิดกฎหมายผ่านโซเชียลมีเดีย

  • หากจะจัดกิจกรรมสาธารณะ ควรดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมาย และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง


ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องคดีมาตรา 116
หากคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังเผชิญกับข้อกล่าวหาหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับ มาตรา 116 คือ หรือการถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรม “ยุยงปลุกปั่น” การมีทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอาญาเข้ามาให้คำแนะนำ จะช่วยให้คุณเข้าใจกระบวนการ และมีแนวทางในการต่อสู้คดีอย่างเป็นระบบ

บริษัท สำนักงานกฎหมายสรศักย์ และที่ปรึกษาสากล จำกัด ให้บริการด้านกฎหมายอย่างมืออาชีพ พร้อมทีมทนายความที่เชี่ยวชาญในคดีความมั่นคงและคดีอาญา พร้อมให้คำแนะนำ วางกลยุทธ์ และดูแลคดีตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยความละเอียด รอบคอบ และเป็นธรรม หากคุณต้องการความมั่นใจในทุกการแสดงออกหรือต้องการคำปรึกษาเชิงลึก สามารถติดต่อได้ที่

บริษัท สำนักงานกฎหมายสรศักย์ และที่ปรึกษาสากล จำกัด 49/78 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 40 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700

เบอร์โทร: 081-692-2428, 094-879-5865
Facebook: Sorasak Lawfirm

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา สมัครสมาชิก

×
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

รายละเอียดเครดิต

Copyright © 2011-2025 Kulasang.net. All Rights Reserved.