สร้างนิสัยให้ตัวเองในการรักษาของให้ใช้ได้งานไม่เสียหายชำรุดง่าย

ในยุคที่ทุกสิ่งดูเหมือนจะรวดเร็วและพร้อมสำหรับการเปลี่ยนใหม่ การรู้จักถนอมและดูแลรักษาสิ่งของให้ใช้งานได้ยาวนาน ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังสร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง และลดปริมาณขยะที่ไม่จำเป็นอีกด้วย การสร้างนิสัยที่ดีในการดูแลรักษาของใช้ไม่ใช่เรื่องยากเย็น แต่ต้องอาศัยความใส่ใจและวินัยเล็กๆ น้อยๆ ที่จะทำอย่างสม่ำเสมอ สิ่งแรกของการดูแลรักษาสิ่งของคือ การทำความเข้าใจลักษณะและวิธีใช้งานที่ถูกต้อง ของสิ่งนั้นๆ ลองใช้เวลาสักนิดในการอ่านคู่มือการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่เสื้อผ้าที่เราสวมใส่ การรู้ว่าของสิ่งนั้นผลิตจากวัสดุอะไร มีข้อจำกัดในการใช้งานอย่างไร หรือมีข้อควรระวังอะไรบ้าง จะช่วยให้เราใช้งานได้อย่างถูกวิธีและยืดอายุการใช้งานออกไปได้ เช่น การรู้ว่าไม่ควรวางเครื่องใช้ไฟฟ้าใกล้ความร้อนจัด หรือการซักผ้าด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับเนื้อผ้าแต่ละชนิด


นิสัยสำคัญต่อมาคือ การใช้งานสิ่งของอย่างถูกวิธีและไม่ฝืนธรรมชาติของมัน หากเราใช้งานของอย่างถนอม ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่โยน ไม่กระแทก หรือไม่ใช้ผิดประเภท ก็จะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ ลองสังเกตพฤติกรรมของตัวเอง เช่น การเปิดปิดประตูตู้เย็นอย่างนุ่มนวล การวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง แทนที่จะวางกระแทก หรือการไม่ยัดของใส่กระเป๋าจนแน่นเกินไป การกระทำเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้แสดงถึงความใส่ใจและจะสะท้อนผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว การทำความสะอาดและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ ฝุ่น สิ่งสกปรก หรือคราบต่างๆ สามารถสะสมและทำให้สิ่งของเสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้ การปัด กวาด เช็ดถูอย่างสม่ำเสมอตามความเหมาะสมของประเภทสิ่งของ เช่น การเช็ดทำความสะอาดหน้าจอโทรศัพท์ การปัดฝุ่นเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือการล้างรถเป็นประจำ ทำ nano coating ไม่เพียงแต่ทำให้ของดูใหม่อยู่เสมอ แต่ยังช่วยให้กลไกภายในทำงานได้ดีขึ้นด้วย สำหรับอุปกรณ์บางอย่างอาจจำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาพิเศษ เช่น การหยอดน้ำมันจักรเย็บผ้า การเปลี่ยนไส้กรองเครื่องฟอกอากาศ หรือการชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์อย่างถูกวิธีตามคำแนะนำของผู้ผลิต นิสัยสุดท้ายคือ การจัดเก็บสิ่งของในที่ที่เหมาะสมและเป็นระเบียบ ของที่วางกระจัดกระจาย ไม่เพียงทำให้บ้านไม่น่าอยู่ แต่ยังเสี่ยงต่อการชำรุดเสียหายได้ง่าย การเก็บของในที่ที่แห้ง พ้นจากแสงแดดโดยตรง ปลอดภัยจากความชื้น หรือมีกล่อง/ถุงใส่สำหรับอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ จะช่วยป้องกันความเสียหายจากสิ่งแวดล้อมและลดโอกาสในการสูญหายหรือถูกเหยียบย่ำได้ การมีพื้นที่เฉพาะสำหรับสิ่งของแต่ละชิ้นจะช่วยให้เราหาง่ายและใช้งานได้สะดวกขึ้น ซึ่งส่งเสริมให้เราดูแลรักษาของชิ้นนั้นได้ดีขึ้นไปอีก