ดู: 258|ตอบกลับ: 0

PHYSICAL RETAIL ISN'T OVER YET

[คัดลอกลิงก์]

ยังไม่ได้เช็คอิน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 83%

สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์

คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก

x

physical-store.png


    ถึงแม้วิกฤติโรคระบาดจะช่วยส่งให้เทรนด์สินค้าออนไลน์เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดดแต่ในความเป็นจริงร้านค้าบูติก
ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ตลาดสินค้าแฟชั่นไม่สามารถทอดทิ้งได้
     อุตสาหกรรมแฟชั่นนับว่าเป็นอุตสาหกรรมนักสู้อย่างแท้จริงเพราะตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมแฟชั่นยังคงหาหนทางต่อสู้ในการเพิ่มยอดขาย สวนทางกระแสวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 ดังข้อมูลจาก Mirak! ออนไลน์แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ดังของประเทศฝรั่งเศสที่เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 2019 ถึงปี ค.ศ. 2021 มูลค่าสินค้าในตลาดออนไลน์แฟชั่นมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 81 เปอร์เซ็นต์
     โดยตัวเลขฝั่งสินค้าแฟชั่นกลุ่มลักซ์ชัวรียังถูกเปิดเผยผ่านเว็บไซต์จำหน่ายสินค้าแฟชั่นลักซ์ชัวรีออนไลน์นาม ฟาร์เฟตช์ (Farfetch) เป็นตัวเลขเฉลี่ยต่อยอดการสั่งซื้อในไตรมาสแรกของปีค.ศ. 2021 ที่เพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นจำนวน 618เหรียญสหรัฐ ซึ่งค่าเฉลี่ยนี้สูงขึ้นกว่าเดิมในช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้านั้นกว่า 60 เปอร์เซ็นต์
     ถึงแม้โลกออนไลน์จะมีตัวเลขเติบโตอย่างสวยงามในฝั่งออนไลน์ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา แต่สำหรับสินค้าแฟชั่นลักซ์ซัวรีแล้วความเอ็กซ์คลูซีฟและประสบการณ์ในการช็อปปิ้งอันเยี่ยมยอดยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่โลกออนไลน์ไม่สามารถให้ได้อย่างเต็มที่ นี่จึงเป็นผลให้หลายๆ แบรนด์ลักซ์ชัวรียังคงกลัวและไม่แน่ใจที่จะกระโดดลงสู่ตลาดสินค้าออนไลน์อย่างเต็มตัว เนื่องจากเกรงว่าจะไปกระทบกับภาพลักษณ์ความเอ็กซ์คลูชีฟที่สั่งสมมานานหลายสิบปี
     ด้วยเหตุนี้เอง การขายสินค้าลักซ์ชัวรีผ่านร้านค้าบูติกจึงยังคงมีความสำคัญอยู่ดังผลสำรวจที่เพิ่งถูกเปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้โดยเป็นตัวเลขยอดขายสินค้าลักซ์ชัวรีในโลกออนไลน์ปัจจุบันที่คิดเป็นจำนวน 12 เปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายสินค้าผ่านร้านบูติกตามปกติ และยังมีการคาดการณ์ผ่านBain & Co. บริษัทให้คำปรึกษาด้านธุรกิจลักซ์ชัวรีชื่อดังของประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ภายในปี ค.ศ.2023 ยอดขายสินค้าแฟชั่นลักซ์ชัวรีทั้งหมดจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 60 เปอร์เซ็นต์ และในปี ค.ศ.2025 ยอดขายสินค้าในฝั่งออนไลน์จะมีสัดส่วนมากถึงระดับ 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับยอดขายสินค้าที่มาจากร้านค้าตามปกติ
     ตลาดแฟชั่นในอนาคต โดยเฉพาะตลาดสินค้าแฟชั่นลักซ์ชัวรีจึงไม่ใช่การเลือกที่จะทำแค่ออนไลน์หรือการเปีดบูติกเท่านั้น แต่ต้องเป็นการหาจุดสมดุลและใช้แพลตฟอร์ตต่างๆให้เหมาะสมและถูกต้อง



ไม่ว่าฝั่งไหน Customer Service คือทุกสิ่ง
     ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการขายผ่านบูติก หรือช่องทางออนไลน์ ระบบบริการและสนับสนุนลูกค้าที่เรียกว่าCustomer Service นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากในตลาดสินค้าแฟชั่นลักซ์ชัวรี เพราะประสบการณ์ด้านการบริการที่ลูกค้าได้รับ ก็นับเป็นอีกหนึ่งในคุณสมบัติเด่นที่ทำให้กลุ่มลูกค้าหลายคนติดใจ จนกลายมาเป็นลูกค้าประจำที่คอยติดตามซื้อหาและใช้สินค้าแบรนด์นั้นๆ
     ทั้งนี้ แบรนด์ดังอย่างกุชซี่ (Gucci) ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวอย่างผู้นำด้านนี้ก็ว่าได้ เมื่อกล่าวถึงประสบการณ์การช็อปปิ้งที่สามารถสร้างความรู้สึกแบบเอ็กซ์คลูฟได้เหมือนงานบริการผ่านร้านค้าบูติก โดยเว็บไซต์ออนไลน์ของกุชซี่ในประเทศสหรัฐอเมริกาและในประเทศแถบยุโรปได้สร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งรูปแบบใหม่ผ่านระบบออนไลน์ที่เรียกว่า Exclusive Online Service ซึ่งหนึ่งในบริการที่น่าสนใจคือบริการ Digital Showroom ลูกค้าสามารถนัดหมายเวลาที่ต้องการเพื่อขอรับบริการดูสินค้าที่วางจำหน่ายในบูติกแบบเรียลไทม์ในขณะที่นั่งดูผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือจอโทรศัพท์มือถือในห้องนั่งเล่นของพวกเขา
    นอกจากนั้นกุชซี่ยังมีบริการให้คำแนะนำเรื่องการหาของขวัญเพื่อเทศกาลพิเศษๆ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการคำปรึกษาเรื่องการเลือกสรรสินค้าให้ถูกกับความต้องการ หรือยังสามารถนัดจองคิวเพื่อเข้าพบพนักงานแบบตัวต่อตัวเพื่อขอคำปรึกษาด้านสินค้าและบริการในแบบเอ็กซ์คลูชีฟผ่านระบบออนไลน์ได้อีกด้วย และจากการบริการต่างๆเหล่านี้จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำให้กุชรี่เป็นหนึ่งในแบรนด์ลักซ์ชัวรีที่ทำตัวเลขเติบโตในด้านออนไลน์ได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ยังสามารถรักษาภาพลักษณ์ความเอ็กซ์คลูชีฟและประสบการณ์ด้านการช็อปปิ้งผ่านบูติกที่เปิดตามเมืองหลวงสำคัญๆ ของโลกด้วยได้อย่างดีเยี่ยม


เริ่มเก็บเงินกับ บาคาร่า ที่คุณคิดไม่ถึงกันเลย

แหล่งศูนย์รวมความสนุกที่นี่เลย berlin55.com



สร้างสมดุลออนไลน์และออฟโลน์ให้ได้
     ถึงแม้ตลาดออนไลน์จะมีตัวเลขเติบโตที่น่าประทับใจ แต่ในความเป็นจริงแล้วการให้ความสำคัญกับการขายผ่านบูติกก็ยังไม่สามารถละทิ้งได้ ซึ่งในปี ค.ศ. 2021 มีการเปิดเผยตัวเลขสำรวจในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยบริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจ Kearneyว่า ในกลุ่มผู้บริโภคเจนชีนั้น 73 เปอร์เซ็นต์ยังคงใช้การค้นหาสินค้าผ่านหน้าร้านค้าบูติกอีก 65 เปอร์เซ็นต์ ยังคงใช้บริการลองสินค้าผ่านหน้าร้านบูติกจริง และอีก 81 เปอร์เซ็นต์ยังคงซื้อสินค้าผ่านร้านค้าบูติกด้วยเช่นกัน
     ฌอง ฌากส์ กีโอนี (Jean Jacques Guiony)ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินของกลุ่มลักซ์ชัวรีLVMH เจ้าของหลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton)ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBCไว้อย่างน่าสนใจว่า เขายังคงเชื่อมั่นในตลาดการขายผ่านร้านค้าจริง เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดออนไลน์สำหรับสินค้าแฟชั่นกลุ่มลักซ์ชัวรี "เรายังคงเห็นอนาคตของบูติกอยู่ เนื่องจากประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ลูกค้าจะได้รับยังเป็นสิ่งที่โลกออนไลน์ไม่สามารถให้ได้ และยังไม่มีใครพบสูตรมหัศจรรย์ชนิดไหน ที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับการช็อปปิ้งออนไลน์ได้มากกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในเวลานี้" ก็โอนีกล่าว
     อย่างไรก็ตาม LVMH ก็ไม่ได้ละทิ้งตลาดออนไลน์แล้วมุ่งจับแต่ร้านค้าบูติกเท่านั้นโดยกลุ่ม LVMH ยังมีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้ามากขึ้นผ่านระบบออนไลน์ดังเห็นได้จากในปี ค.ศ. 2020 เมื่อหลุยส์วิตตอง ประเทศไทย เริ่มเปีดระบบออนไลน์ช็อปปิ้งผ่านหน้าเว็บไซต์ของตัวเองอย่างเป็นทางการ ซึ่งแม้ว่าลูกค้าหลายรายอาจจะยังไม่ใช้บริการซื้อสินค้าจากหน้าเว็บไซต์ออนไลน์ก็ตามแต่พวกเขาก็ใช้เว็บไซต์ออนไลน์เป็นสถานที่ค้นหาข้อมูลสินค้าก่อนเดินทางมาซื้อสินค้าจริงในบูติก ดังที่ก็โอนีได้เปิดเผยเพิ่มเติมกับ CNBCว่า ลูกค้าโดยส่วนใหญ่ของวิตตองยัง "คันหาข้อมูลจากหน้าเว็บไซต์ออนไลน์ก่อนที่พวกเขาจะมาซื้อสินค้าที่ตนเองต้องการในบูติก"
     ดังนั้นการสร้างสมดุลทั้งฝั่งออนไลน์และฝั่งร้านบูติก จึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญทั้งสองฝัง โดยในฝั่งออนไลน์อาจต้องหาวิธีการที่สามารถสร้างประสบการณ์ให้ใกล้เคียงกับฝั่งร้านค้าบูติกให้มากที่สุด หรือมีการคิดค้นบริการแปลกใหม่ที่มีความเอ็กซ์คลูซีฟ หรือมีการคัดเลือกสินค้าบางประเภทที่จะมีวางจำหน่ายในช่องทางออนไลน์เท่านั้น เพื่อดึงให้ผู้บริโภครู้สึกตื่นเต้นและมีประสบการณ์ที่แตกต่างจากสิ่งที่บูติกไม่สามารถให้ได้
ใช้ออฟไลน์สร้างความน่าเชื่อถือ   ใช้ออนไลน์สร้างความไฮป
     หนึ่งในเหตุผลหลักที่ตลาดออนไลน์ไม่สามารถสู้ร้านค้าบูติกฝั่งออฟไลน์ได้ นั่นคือการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวแบรนด์และผลิตภัณฑ์ ในยุคที่เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทั่วโลก การเปิดร้านบูติกจึงไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปที่จะต้องมีจำนวนมากมายหลายสาขาในเมืองเมืองเดียว แต่อาจเป็นการเลือกโลเกชั่นไม่กี่ตำแหน่งแต่เป็นโลเกชั่นที่ดีที่สุดเพื่อสร้างภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าแบรนด์นั้นๆ
     ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการมีบูติก คือการที่ลูกค้าสามารถเดินทางเข้ามาสัมผัสกับสินค้าจริงได้ วิธีดังกล่าวสามารถช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดีขึ้น ดังนั้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราจึงเริ่มเห็แบรนด์แฟชั่นบางเจ้าที่เริ่มจากการขายสินค้าออนไลน์ หันมาเปีดร้านค้าบูติก หรือหาสถานที่จัดจำหน่ายสินค้าในร้านมัลติเลเบลชื่อดัง ทั้งนี้ ก็เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี น่าเชื่อถือและยังสามารถใช้เป็นช่องทางที่ผู้บริโภคจะสามารถเดินทางมาลองสัมผัสกับประสบการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการช็อปปิ้งในแบรนด์นั้นๆ
     ขณะเดียวกันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราก็เริ่มเห็นกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่ถูกใช้ในฝั่งออนไลน์ด้วยเช่นกัน อย่างการวางจำหน่ายสินค้าที่เป็นเฉดสีหรือแบบลวดลายเฉพาะผ่านทางเว็บไซค์เท่านั้นเพื่อจะดึงฐานลูกค้าที่มีอยู่เดิม และจับกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เด็กลงในฝั่งออนไลน์ ซึ่งนี่ยังถือเป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม ดังตัวอย่างของกุขขี่ที่มีการสร้างแอปพลิเคชั่นให้ลูกค้าสามารถใช้กล้องมือถือส่องไปที่เท้าของพวกเขา แล้วระบบจะสร้างภาพดิจิทัลรองเท้ากุชซี่บนเท้าของพวกเขาขึ้นมาเสมือนว่ากำลังสวมรองเท้ารุ่นนั้นๆ อยู่ เป็นตัน
     หรือตัวอย่างของแบรนด์เบอร์เบอร์รี(Burberry) ในประเทศจีน ที่มีการใช้ช่องทางออนไลน์จัดกิจกรรมช็อปปิ้งไลพีผ่านอินเทอร์เน็ตในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2020 โดยกิจกรรมครั้งนั้นสามารถสร้างยอดวิวได้มากถึง 1.4 ล้านวิว และทำให้สินค้าที่วางจำหน่ายเฉพาะในฝั่งดิจิทัลขายหมดในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมง ดังนั้นเมื่อพูดถึงกลยุทธ์ในฝั่งออนไลน์จึงควรมองลึกไปมากกว่าแค่การมีหน้าเว็บไซต์วางจำหน่ายสินค้าเพียงเท่านั้น แต่เป็นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่มา สร้างประสบการณ์น่าสนใจ ที่บูติกไม่สามารถให้ได้ต่างหาก
     ด้วยเหตุนี้ในยุคศตวรรษที่ 21 จึงไม่ได้หมายความว่าแบรนด์แฟชั่นควรปิดหน้าร้านแล้วหันไปจับธุรกิจออนไลน์เพียงเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงหน้าร้านค้าแบบบูติกยังคงมีความสำคัญ เพียงแต่ในวันนี้ออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทเป็นช่องทางให้แบรนด์สามารถใช้ติดต่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นการเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับช่องทางการขายทั้งในแบบออนไลน์และแบบออฟไลน์ จึงมีความสำคัญที่ต้องเลือกให้เหมาะสม และใช้ประโยชน์ให้ได้คุ้มค่าอย่างสูงสุด


ตอบกระทู้

สำหรับคนที่ขี้เกียจพิมพ์
คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อนที่จะตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

รายละเอียดเครดิต

TOP