เช็คอินสะสม: 125 วัน เช็คอินต่อเนื่อง: 1 วัน
ความคืบหน้าการอัพเกรด: 65%
|
สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์
คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก
x
ในช่วงระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ ความสุขของคนลดน้อยถอยลงไปมาก จากพิษเศรษฐกิจ แล้วยังมาโดนซ้ำเติมจากวิกฤตโควิด-19 เข้าให้อีก ตัวผมเอง จากคนเป็นเจ้าของธุรกิจที่ทำกำไร มีครอบครัวที่อบอุ่น มีบ้าน มีรถ แต่ตอนนี้มันหมดสิ้น เหลือเพียงลมหายใจที่หล่อเลี้ยงร่างกายที่ผอมโซกับใจที่ห่อเหี่ยว รอเวลาที่ความตายจะพรากจากโลกนี้กลับบ้านเก่าไปในอีกไม่ช้าไม่นานในวันนี้
เมื่อความสูญเสียที่ไม่ได้ตั้งหลักมาเยือน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เฝ้าสร้างมากับมือ มันพังพินาศเหมือนโดนโชคชะตากลั่นแกล้ง ชีวิตเหมือนล้มทั้งยืนตายทั้งเป็น เมื่อบ้าน รถ ทยอยโดนเขายึดคืนไป เหมือนโดนมรสุมสาดซัดพัดพาจนแพแตก
ผมกับลูกเมียต่างดิ้นรน ทำทุกวิถีทางเพื่อประทังความหิว สมบัติเก่าถูกนำมาเปลี่ยนเป็นเงินจนร่อยหรอเพื่อหาทางเอาตัวรอด โรคซึมเศร้าเข้ามาโดยไม่รู้ตัว ผมทำงานไม่ได้ ต้องกินยาต่อเนื่องทุกวัน สิ่งที่เกิดขึ้นมากระทบจิตใจ มันรุนแรงเกินกว่าที่ใครๆ จะรู้ ผมรับไม่ไหว เห็นหน้าลูกเมียที่ต้องลำบากดูแลผมแล้วทำใจรับไม่ได้ จนผมต้องตัดสินใจอะไรสักอย่าง
วันนี้เป็นวันที่ผมตัดสินใจว่าจะต้องกลับบ้านเก่าไปแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นภาระลูกเมีย เห็นข่าวจากทีวีบ้าง หนังสือพิมพ์เอย หลายคนที่มีชะตากรรมเดียวกับผมที่เจอวิกฤตอันหนักหน่วง จนฉิบหายวายป่วงป่นปี้ ต่างก็เลือกทางนี้กันทั้งนั้น
เพื่อให้ดูโลดโผนก็พอมีบ้างที่แหกกฎธรรมเนียมประเพณี จะแหวกแตกต่างกันไปบ้างก็อยู่ที่ทีเด็ด กลเม็ดเคล็ดลับ ผสานกับเทคนิคที่พลิกแพลงวิธีการตาย เช่น ใช้เตาอั้งโล่รมควันในรถ ซดยาพิษในห้อง มีดกรีดท้องเลือดทะลัก เชือกผูกชักขื่อคา ใช้ปืนผาเจาะขมับ ดิ่งตึกสูงดับสลด กระโดดน้ำอันฉ่ำชุ่ม หัวคลุมถุงดำทำแบบลุงโจ้ ตายโก้ๆสไตล์ไหนสุดแต่ใครจะคิดชอบ แต่สรุปแล้ว นั่นก็คือการ “ฆ่าตัวตาย”
ผมวางแผนเอาไว้ว่า เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับลูกเมียนักที่ต้องจัดการกับงานศพ ซึ่งก็ต้องมีค่าใช้จ่ายนี่นั่นอย่างน้อยก็หลักหมื่น เงินประกันชีวิตที่จะได้มาคงเหลือไม่มากพอที่พวกเขาจะใช้เพื่อเป็นต้นทุนดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้นานนัก และอีกอย่างการตายที่ได้รับเงินประกันนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีศิลปะ กล่าวคือต้องเป็นไปในเชิงอุบัติเหตุเท่านั้น ไม่ใช่การจงใจ ตั้งใจฆ่าตัวเอง ถ้าตายแบบโง่ๆ ก็เสียเชิงนักธุรกิจซีปัดธ่อ
ผมเดินเลือกทำเลเหมาะๆ ในตอนเย็นวันนี้ ที่จะปลดปล่อยชีวิตให้หลุดพ้นความทุกข์ใจเพื่อจากไปแบบประท้วงชีวิต แต่ไม่ต้องการความเห็นใจจากใครๆ จนมาเจอห้างใจกลางเมือง ทีเมื่อก่อนเคยมีผู้คนพุกพล่านเดินช้อปกันจนทางห้างต้องปิดไฟไล่กลับ
แต่ทว่า...เวลานี้กลับตาลปัตร บรรยากาศเงียบเหงา ซบเซาจนดูวังเวง ชั้นล่างของห้างที่มีร้านเช่าแบ่งซอยเป็นห้องเล็กๆ แคบๆ เคยคึกคักเปิดแข่งขันกันขาย เด็กวัยรุ่นหญิงชายถลุงเงินพ่อแม่มาหว่านให้ในแต่ละวันแบบไม่เสียดายนั้น มาบัดนี้กลับปิดตายกันเป็นแถบ
ผมตั้งใจเลือกทำเลใจกลางเมืองก็เพื่อที่จะให้กลายเป็นข่าวใหญ่ ข่าวดัง “อดีตนักธุรกิจ เกิดอุบัติเหตุตกตึกตาย” เพื่อให้ข่าวเป็นสื่อแจ้งเพื่อนๆ ได้ทราบ และยื่นมือเข้าช่วยเหลือลูกเมียเพื่อจัดการงานศพของผมในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต โดยผมมุ่งหวังว่าจะมีการช่วยแชร์ค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่งนั่นเอง
ผมเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้นสองอย่างคนล่องลอย มีผู้คนหร็อมแหร็มโหรงเหรงบางตา แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ถึงทุ่มหนึ่ง และเวลาเส้นตายเคอร์ฟิวส์จะยังคงเหลืออีกหลายชั่วโมงก็ตามที นั่นก็แสดงว่าผู้คนตอนนี้ขาดกำลังซื้อ
พนักงานห้างที่มีอยู่ไม่กี่คนยังคงยืนเหงา รอเพียงเวลาปิดกลับบ้าน ผมเห็นบรรยากาศนี้แล้วแอบสลดหดหู่อดสูใจ จนเสียวสะท้านปลาบแปลบ แต่ก็ยังไม่ลืมจุดหมายปลายทางที่คิดไว้ เป้าหมายนั่นคือดาดฟ้า
พอขึ้นมาได้ถึงชั้นสาม ก็ต้องผิดหวังที่จะขึ้นไปชั้นสูงของห้างได้ เนื่องจากบันไดเลื่อนรวมทั้งลิฟท์ถูกเขาปิด เพราะไม่มีคนใช้งานกันแล้ว เพราะร้านค้าย้ายลงไปรวมกันที่ชั้น 1-2 แสงไฟที่ส่องสว่างก็สลัวๆ ชั้นนี้บรรยากาศเงียบเสียจนดูเหมือนเป็นเช่นตึกร้างไม่มีผิด
ผมเดินทอดถอนใจเมื่อต้องเปลี่ยนเป้าหมาย หันหลังเดินไปยังบันไดเลื่อนอย่างเหนื่อยหน่าย พอจะก้าวขาลงไป หูก็แว่วได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังถี่ๆ เหมือนมีผู้หญิงเร่งฝีเท้าก้าวเดินใกล้เข้ามา
ผู้หญิงคนนี้คงเดินหลงขึ้นมา ผิดกับผมที่มีเป้าหมายคือขึ้นไปให้สูงที่สุด เพื่อทำภารกิจปลดปล่อยชีวิตอันเส็งเคร็งนี้ขึ้นสู่สรวงสวรรค์ นั่นคือละสังขารกลับบ้านเก่าไปให้สำเร็จจงได้
ในเมื่อเผลอหลงขึ้นมาแล้ว หล่อนคงเกิดอาการกลัวสินะ ถึงได้กึ่งเดินกึงวิ่งออกอย่างนั้น ผมคิดในใจจนบันไดเลื่อนลงมาถึงชั้นสอง ขยับขาก้าวลงบันไดเลื่อนที่ดูทอดยาวลาดลงไปบนชั้นหนึ่งโดยไม่ต้องลังเล เนื่องจากไม่ได้มีวัสดุประสงค์มาช้อปปิ้งเหมือนคนอื่นๆ
เสียงส้นสูงกระทบบันไดเลื่อนขั้นที่อยู่เหนือผมขึ้นไปสามสี่ขั้น ดังมากระทบหูได้ยินอย่างชัดเจน ผมชำเลืองมองขึ้นไปแว็บหนึ่ง ก็เห็นแข้งขาวๆ เรียวงามคู่นั้นยืนนิ่งชิดกันอยู่ ใช่แล้วผู้หญิงคนนั้นตามหลังผมมาไม่ห่าง
บันไดเลื่อนลงมาถึงช่วงกลางชั้น ใกล้จะลงสู่ชั้นหนึ่งในไม่ช้า ผมไม่วายที่จะแอบฉุกคิดสัปดนอยู่ในใจ เห็นแค่ปลายขาขาวๆที่เรียวงามก็ดึงดูดใจ แล้วหน้าตาจะเร้าใจขนาดไหนวะ เอาน่าก่อนตาย ได้เห็นคนสวยๆงามๆยิ้มสักครั้ง
ผมแกล้งมองเฉขึ้นไปดูที่อื่นเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดเหมือนจ้องมองตรงๆ ค่อยๆ เลื่อนสายตาขึ้นไปรอบๆ ข้าง ดูทีละจุดๆ ช้าๆ ด้วยใจจดจ่อ
พอสายตามาบรรจบกับขั้นบันไดที่สองขาเรียวงามยืนชิดกันอยู่เมื่อครู่นี้ ผมก็ต้องใจหายวาบ!
มือที่จับราวบันไดเลื่อนไว้อย่างมั่นคง กลับช็อกจนสิ้นเรี่ยวแรง อ่อนล้าไปอย่างสุดจะควบคุมตัวเองได้
หญิงสาวที่ใส่ส้นสูงเดินตามหลังผม และลงบันไดเลื่อนมาเมื่อครู่นี้ ผมไม่ได้ขาดยา ตาไม่ฝาดแน่ๆ แต่ตอนนี้...หล่อนหายไปแล้ว!
เหลือเพียงขั้นบันไดโล่งๆ สองแข้งขาที่เรียวงามคู่นั้นหายวับ ราวกับว่าหล่อนมีปีกบินหนีไปได้อย่างเหลือเชื่อ เมื่อชัดเจนออกเช่นนั้น สมองของผมก็ไม่จำเป็นต้องแปลไทยเป็นไทยแล้ว ก็เมื่อครู่นี้ยังเห็นสองขายืนชิดกันเต็มสองตาอยู่ทนโท่ "ผีหลอก!"
ภาพที่เห็นลางๆ ในความทรงจำหลังจากที่ผมรู้สึกตัวตื่น ลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องเล็กๆ พยาบาลกำลังคลำชีพจรอยู่ ตอนที่มองขึ้นไปบันไดเลื่อนครั้งที่สอง แล้วมองไม่เห็นผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นสูง ยืนขาขาวเรียวงามแนบชิดกันนั้น ผมร้องเสียงหลง หงายหลังตึงหล่นจากบันไดเลื่อนตกลงไปกระแทกกับพื้นข้างล่าง แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอยู่หลายวัน นะจ๊ะ
ผมเกือบกลับบ้านเก่าไปได้สำเร็จ พอทบทวนคิดดูอีกที คนที่ตายไปแล้ว วิญญาณก็ยังวนเวียนอยู่ไม่ไปไหน ถ้าผมตายไปแล้วไม่บรรลุไปสู่ภพภูมิที่ดี จะมีประโยชน์อันใด หากยังต้องวนเวียนล่องลอยอยู่อย่างนี้ สู้มีชีวิตอยู่ทำมาหากิน ผจญกับความทุกข์ยากชดใช้เวรกรรมต่อไปจนแก่เฒ่าหมดแรงตายไปจะไม่ดีกว่าหรือ?
|
|