ดู: 58|ตอบกลับ: 0

รู้หรือไม่ สายไฟธรรมดาและสายไฟชนิดพิเศษต่างกันอย่างไร

[คัดลอกลิงก์]
เช็คอินสะสม: 2 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 1 วัน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 77%

สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์

คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก

x

รู้หรือไม่ สายไฟธรรมดาและสายไฟชนิดพิเศษต่างกันอย่างไร

รู้หรือไม่ สายไฟธรรมดาและสายไฟชนิดพิเศษต่างกันอย่างไร
สายไฟ คือ วัสดุที่ใช้ส่งผ่านพลังงานไฟฟ้าจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยตัวนำไฟฟ้าทำจากโลหะที่มีความนำไฟฟ้าสูง เช่น ทองแดง อะลูมิเนียม นิเกิล โครเมียม เป็นต้น ส่วนฉนวนไฟฟ้าจะทำจากวัสดุที่ไม่นำไฟฟ้า เช่น พลาสติก ยาง แก้ว เป็นต้น

สายไฟมีประโยชน์มากมาย ดังนี้
  • ส่งผ่านพลังงานไฟฟ้า สายไฟทำหน้าที่ส่งผ่านพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งผลิตไฟฟ้าไปยังผู้บริโภคไฟฟ้า โดยสายไฟที่ใช้ในการส่งผ่านพลังงานไฟฟ้ามีแรงดันไฟฟ้าสูง เช่น สายส่งไฟฟ้าแรงสูง สายส่งไฟฟ้าแรงปานกลาง เป็นต้น
  • จ่ายกระแสไฟฟ้า สายไฟทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ โดยสายไฟที่ใช้ในการจ่ายกระแสไฟฟ้ามีแรงดันไฟฟ้าต่ำ เช่น สายไฟเมน สายไฟภายในอาคาร เป็นต้น
  • เชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟทำหน้าที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เข้าด้วยกัน เช่น สายไฟต่อระหว่างเครื่องใช้ไฟฟ้ากับเต้ารับไฟ เป็นต้น
  • สื่อสารข้อมูล สายไฟสามารถนำมาใช้เพื่อสื่อสารข้อมูลได้ เช่น สายใยแก้วนำแสง เป็นต้น


สายไฟในปัจจุบันมีหลายมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ทั้งสายไฟธรรมดาที่ใช้ในครัวเรือนและสายไฟชนิดพิเศษที่ถูกใช้งานเฉพาะทาง โดยสายไฟชนิดพิเศษจะมีความแตกต่างกับสายไฟทั่วไปอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบครับ

สายไฟชนิดพิเศษต่างจากสายไฟธรรมดาอย่างไร1. ทนแรงดันไฟฟ้าได้สูง
สายไฟฟ้าธรรมดาโดยทั่วไปจะทนแรงดันไฟฟ้าได้ไม่เกิน 300 โวลต์ แต่สายไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษอาจทนแรงดันไฟฟ้าได้สูงถึง 6,000 โวลต์ หรือมากกว่านั้น เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบไฟฟ้าแรงสูง
2. ทนอุณหภูมิได้สูง
สายไฟฟ้าธรรมดาโดยทั่วไปจะทนอุณหภูมิได้ไม่เกิน 70 องศาเซลเซียส แต่สายไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษอาจทนอุณหภูมิได้สูงถึง 90 องศาเซลเซียส หรือมากกว่านั้น เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง เช่น บริเวณที่มีความร้อนจากเครื่องจักร
3. ทนต่อความชื้นและสภาพอากาศ
สายไฟฟ้าธรรมดาอาจเสื่อมสภาพได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับความชื้นและสภาพอากาศ แต่สายไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษจะทนต่อความชื้นและสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้งหรือในบริเวณที่มีความชื้นสูง
4. ทนต่อแรงกระแทก
สายไฟฟ้าธรรมดาอาจเสียหายได้ง่ายเมื่อเกิดการกระแทก แต่สายไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษจะมีความแข็งแรงทนทานต่อแรงกระแทกได้ดี
5. ทนต่อสารเคมี
สายไฟฟ้าธรรมดาอาจถูกกัดกร่อนได้ง่ายจากสารเคมี แต่สายไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษจะทนต่อสารเคมีได้ดี
นอกจากนี้ สายไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษอาจมีคุณสมบัติอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ทนต่อไฟไหม้ ทนต่อความร้อนจากฟ้าผ่า ทนต่อรังสี ฯลฯ ขึ้นอยู่กับประเภทการใช้งานและสภาพแวดล้อมที่ต้องการ
ตัวอย่างสายไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษ ได้แก่

  • สายไฟฟ้าแรงสูง XLPE (Cross-Linked Polyethylene)
  • สายไฟฟ้าทนไฟ PVC-FR (Fire Resistant PVC)
  • สายไฟฟ้าทนความร้อนสูง FEP (Fluorinated Ethylene Propylene)
  • สายไฟฟ้าทนต่อสารเคมี EPR (Ethylene Propylene Rubber)
  • สายไฟฟ้าทนต่อรังสี PE-RT (Polyethylene Random Copolymer)




อ่านมาถึงตรงนี้ทุกท่านก็คงจะทราบแล้วนะครับ ว่าสายไฟธรรมดาและสายไฟชนิดพิเศษต่างกันอย่างไร และหากวิศวกรไฟฟ้าหรือช่างไฟท่านใด ต้องการตู้ไฟ รางไฟคุณภาพดี ทนทุกสภาพการใช้งาน และตรงตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้า สอบถามข้อมูลสินค้าได้ที่
LINE Official Account: @KJL.connect หรือคลิก https://lin.ee/lzVhFfo





ตอบกระทู้

สำหรับคนที่ขี้เกียจพิมพ์
คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อนที่จะตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

รายละเอียดเครดิต

TOP